พาณิชย์ปลื้มส่งออกอาฟตาไตรมาสแรกพุ่ง 75%
"พาณิชย์" เผยไตรมาสแรกไทยใช้สิทธิอาฟตาส่งออกกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 75% สินค้ารถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ มันสำปะหลัง ข้าวโพด นำ แนะผู้ส่งออกเร่งใช้สิทธิเพิ่ม หลังพบสัดส่วนขอใช้สิทธิยังไม่เต็ม 100%
นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึง ผลการใช้สิทธิพิเศษส่งออกภายใต้อัตราภาษีศุลกากรพิเศษที่เท่ากันภายใต้เขต การค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2553 (ม.ค.-มี.ค.) ว่า ไทยส่งออกภายใต้อาฟตา มีมูลค่า 3,167.31 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 75.06% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่า 1,809.26 ล้านดอลลาร์
สินค้าสำคัญที่ไทยใช้สิทธิอาฟตาสูง ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุตสาหกรรม คิดเป็นสัดส่วน 87% ของการใช้สิทธิอาฟตาทั้งหมด ได้แก่ รถยนต์บุคคล เครื่องจักรโรงงาน ส่วนประกอบยานยนต์ เครื่องปรับอากาศ และตัวถังรถยนต์ เป็นต้น และสินค้าเกษตรคิดเป็นสัดส่วน 13% ได้แก่ สตาร์ชทำจากมันสำปะหลัง ข้าวโพด อาหารปรุงแต่ง น้ำตาลทราย และผลไม้สด เป็นต้น
การส่งออกภายใต้อาฟตา ในปี 2552 ที่ผ่านมา มีมูลค่ารวม 9,669.79 ล้านดอลลาร์ ขณะที่การส่งออกไปอาเซียนเฉพาะสินค้าที่ได้รับสิทธิมีมูลค่า 22,850.78 ล้านดอลลาร์ โดยสินค้าที่ไทยมีการใช้สิทธิโดยขอ FORM D ส่งออกมากที่สุด คือ รถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ส่งออกไปยังอินโดนีเซียสูงสุด มีมูลค่า 906.19 ล้านดอลลาร์ อิเล็กทรอนิกส์ ส่งออกไปยังอินโดนีเซียสูงสุด มูลค่า 497.32 ล้านดอลลาร์
การส่งออกโดยใช้สิทธิ FORM D ไปยังอินโดนีเซียสูงสุด เนื่องจากเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในอาเซียน 250 ล้านคน และบริษัทแม่ทั้งยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ที่มาตั้งฐานการผลิตในไทยได้กำหนดให้มีการผลิตในไทยแล้วส่งออกไปยังประเทศ อื่นๆ ในอาเซียน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการใช้สิทธิส่งออกภายใต้อาฟตาจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่เต็ม 100% แสดงว่าผู้ส่งออกไทยยังใช้สิทธิส่งออกภายใต้อาฟตาน้อยกว่าสิทธิที่ได้รับ เพราะหากส่งออกโดยไม่ใช้สิทธิ บางสินค้าอาจจะยังคงถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าตามอัตราที่แต่ละประเทศอาเซียน กำหนด ดังนั้น หากต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรีอาฟตา ก็จะต้องขอใช้ FORM D ในการส่งออก ซึ่งกรมจะผลักดันให้ผู้ส่งออกไทยใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ต่อไป
ที่มา https://guru.thaibizcenter.com/articledetail.asp?kid=7569