อาชีพตำรวจ , นายร้อยตำรวจหญิง55 - สอบนายร้อยตำรวจหญิง
30 มีค. 55
73405
สาวน้อยคนนั้นเดินกรีดกรายเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างามราวนางแบบชั้นนำ ของโลก ซึ่งง่ายต่อการสะกดให้ทุกสายตาพากันจับจ้องไปยังเธอเพียงผู้เดียวลองคำนวณคร่าวๆ ดูแล้วอายุอานามไม่น่าจะเกินยี่สิบต้นๆ ใบหน้าสวยใสหมดจดสะอาดสะอ้าน รูปร่างแม้ดูบอบบาง แต่ก็ถูกกลบไว้ด้วยบุคลิกคล่องแคล่วกระฉับกระเฉงจนหมดสิ้น เธอหยุดเหลียวมองครู่หนึ่งจนเผลอยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนก้าวเข้าไปหากลุ่มเพื่อนหญิงนับสิบคนที่กวักมือเรียก แล้วพวกเธอก็เริ่มต้นพูดคุยทักทายกันตามประสาอย่างออกรส

“วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการรับสมัครนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงค่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ใบหน้ายิ้มแย้มสดชื่นเช่นเดียวกับเพื่อนๆ ทุกคน
“วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการรับสมัครนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงค่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ใบหน้ายิ้มแย้มสดชื่นเช่นเดียวกับเพื่อนๆ ทุกคน
หญิงสาวเหล่านี้ต่างทราบข่าวการเปิดรับสมัครให้บุคคลภายนอกเข้าสมัครสอบเป็น นักเรียนนายร้อยตำรวจหญิง อันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบ้านเรา นับตั้งแต่การก่อตั้งมาอย่างยาวนานถึง 107 ปี ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (รร.นรต.) ตามที่สื่อต่างๆ พากันประโคมข่าว จึงได้หลั่งไหลกันมาจากทั่วทุกภาคของประเทศ
“เสียงตอบรับดีมากๆ เลยครับ เปิดให้รับสมัครแค่เพียง 9 วัน จนถึงวันนี้วันสุดท้าย มียอดเด็กๆ เข้ามาสมัครสอบเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงกว่า 1.8 หมื่นคน จากจำนวนที่รับสมัครแค่ 60 คนเท่านั้น” เป็นคำบอกเล่าอันเหลือเชื่อจากปากของผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ พล.ต.ท.อัมรินทร์ อัครวงษ์ ซึ่งเขาเองก็ดูตกใจไม่น้อยกับยอดผู้สมัครสูงเกินความคาดหมาย
พล.ต.ท.อัมรินทร์ เล่าว่า การเปิดรับผู้หญิงเข้าศึกษาเป็นปีแรกในครั้งนี้ ไม่ถือว่าเร็วเกินไป เพราะโรงเรียนนายร้อยตำรวจชั้นนำอย่างในประเทศสหรัฐอเมริกา แม้กระทั่งประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงก็รับผู้หญิงมาก่อนหน้านี้เป็นสิบๆ ปีแล้ว
“เราได้ทำการเตรียมการศึกษาค้นคว้าวิจัยเรื่องนี้มานานมากแล้ว เดินทางไปดูงานที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจชั้นนำในหลายประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา ในยุโรป อย่างเยอรมนี ในเอเชียอย่าง จีน ไต้หวัน หรือเพื่อนบ้านเราอย่างเวียดนาม ลาว เขาก็มีนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงกันหมดแล้ว และยังมีมานานแล้วด้วย

สำหรับตำแหน่งหน้าที่ที่ต้องการนักเรียนนายร้อยหญิง ซึ่งจะจบออกไปเป็นตำรวจหญิงนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เล็งเห็นว่า งานตำรวจหลายอย่างทั้งในปัจจุบันและอนาคตต้องอาศัยผู้หญิง เช่น หมวดงานสอบสวน ซึ่งผู้หญิงจะมีความเข้าใจและความละเอียดอ่อนมากกว่าผู้ชาย จึงควรที่จะทำหน้าที่เป็นผู้สอบสวนในคดีที่ละเอียดอ่อนที่เกี่ยวกับเด็ก เยาวชน และสตรี ไม่ว่าจะเป็นผู้ต้องหา เป็นผู้เสียหาย หรือเป็นพยานก็ตาม เพราะจากการคาดการณ์เกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมในอนาคตมีแนวโน้มว่า อาชญากรรมประเภทการค้ามนุษย์ อาชญากรรมประเภทการล่วงละเมิดทางเพศ หรือว่าการใช้ความรุนแรงในครอบครัวมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้น
จากบทบาทหน้าที่สอบสวนของตำรวจหญิงที่อยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ ทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ รอบตัวมีแต่กองเอกสาร มีความเป็นไปได้เหมือนกันว่า วันต่อๆ ไปข้างหน้า ตำรวจหญิงเหล่านี้สามารถโยกย้ายสายงานไปทำหน้าที่ลงสนาม ปราบปรามเหล่าผู้ร้ายตามท้องถนนได้ มิใช่อยู่เพียงแต่ในสถานีตำรวจเพียงเท่านั้น
“เป็นไปได้นะ วันข้างหน้าเราอาจได้เห็นมือปราบหญิงฝีมือฉกาจในประเทศเราก็ได้” ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ให้ความมั่นใจ

“มาสมัครเพราะคิดว่ามันเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้หญิงค่ะ โดยส่วนตัวแล้วก็อยากเป็นตำรวจอยู่เหมือนกัน เพราะว่ามันเป็นอาชีพที่น่าภาคภูมิใจ ได้ปกป้องดูแลประชาชน เป็นอาชีพที่มีความเสียสละ อีกอย่างตอนนี้ตำรวจหญิงมีน้อย บางทีเวลาจะทำการสืบสวนอะไรมันก็ไม่สะดวก คงจะดีถ้าเราได้มีโอกาสไปทำหน้าที่ตรงนั้น” เธอไม่ลืมบอกว่าทางบ้านของเธอสนับสนุนในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ พ่อแม่ถึงกับกุลีกุจอหาข้อมูลใบสมัคร ทั้งพามาสมัครถึงที่นี่
จากข้อมูลใบสมัครเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงบอกว่า ผู้ที่เข้ามาเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงจะต้องเข้ารับการฝึกอบรมทั้งด้าน วิชาการ ร่างกาย และจิตใจ เช่นเดียวกับนักเรียนนายร้อยตำรวจชายที่ใช้หลักสูตรเดียวกัน เป็นระยะเวลา 4 ปี เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ยศร้อยตำรวจตรี ทำหน้าที่เช่นเดียวกับตำรวจชั้นสัญญาบัตรชายอย่างเท่าเทียมกัน ต่างกันเพียงอย่างเดียวคือ เรือนนอนที่แยกส่วนเฉพาะผู้หญิง โดยมีการเพิ่มนายตำรวจหญิงเข้ามาทำหน้าที่ฝ่ายปกครองดูแลนักเรียนนายร้อย ตำรวจหญิงเหล่านี้
ผู้สมัครในโครงการดังกล่าวจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นบุคคลภายนอก ต้องมีอายุไม่เกิน 21 ปีบริบูรณ์ มีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่า ม.6 ซึ่งจะรับเข้าศึกษาจำนวน 60 คน กลุ่มที่ 2 เป็นข้าราชการตำรวจหญิง อายุไม่เกิน 25 ปีบริบูรณ์ นับถึงวันเปิดรับสมัคร ในส่วนนี้รับเข้าศึกษาเพียง 10 คน และทั้ง 2 กลุ่มต้องมีส่วนสูงไม่น้อยกว่า 160 เซนติเมตร โดยการสอบจะแบ่งเป็น 3 รอบ คือ รอบแรก สอบข้อเขียนวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ รอบที่สองเป็นการสอบสมรรถภาพร่างกาย ประกอบด้วย วิ่งระยะทาง 1,000 เมตร ภายในเวลา 7 นาที และว่ายน้ำระยะทาง 50 เมตร ภายในเวลา 3 นาที ส่วนขั้นตอนการสอบข้อเขียนมีกำหนดสอบในวันที่ 8 ก.พ. ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง
“ถ้าถามว่ากลัวลำบากไหม เพราะจะต้องฝึกเทียบเท่ากับผู้ชายเลย อันนี้ก็ยังตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่คิดว่าคงไม่น่าจะมีปัญหาหรือสร้างความลำบากให้กับตัวเองรวมทั้งคนอื่นๆ มาก เพราะแต่ละคนที่มาสมัครก็ต้องเตรียมใจไว้แล้วทั้งนั้นว่าจะต้องเจออะไรบ้าง แล้วอีกอย่างก็เคยเรียนโรงเรียนทหารอยู่ก่อนแล้ว เรื่องความลำบาก หรือต้องฝึกรวมกับผู้ชายก็มองว่าเป็นเรื่องปกติ” ใครที่ได้เห็นแววตาของเธอยามนี้ จะเห็นว่า ดูมุ่งมั่นไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอกเลยทีเดียว

“ถ้าได้มีโอกาสเรียน จบแล้วก็อยากกลับไปทำหน้าที่ที่บ้านเกิดค่ะ ซึ่งที่บ้านเองก็สนับสนุนให้มาด้วย เพราะว่ามันเป็นอาชีพที่ก้าวหน้า ดีใจมากค่ะที่ประเทศไทยเปิดรับนักเรียนตำรวจหญิง เพราะนี่จะเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้หลายๆ คนรู้ว่าผู้หญิงก็สามารถทำอะไรๆ ได้เหมือนผู้ชายทุกประการ
“ตอนนี้ก็มีไปเตรียมตัวก็คือว่ายน้ำกับวิ่ง เพราะเขาจะมีทดสอบกัน ไม่กลัวลำบากนะ เพราะถ้าคนที่อยากเป็นทหาร ตำรวจจริงๆ ก็จะต้องมีความอดทนสูง ถ้ามาฝึกแค่นิดหน่อยแล้วเหนื่อย หรือไม่สู้ ก็ไม่สามารถเป็นตำรวจที่ดีในวันข้างหน้า จริงที่ผู้ชายมีความแข็งแกร่ง มีพละกำลังมากกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว ก็ไม่อยากให้มองว่าถ้าผู้หญิงมาฝึกกับผู้ชายอย่างนี้แล้วจะไปเป็นตัวถ่วง หรืออะไร เพราะบางทีบางอย่างผู้หญิงก็สามารถทำได้ดีกว่าผู้ชายอีก” เธอบอก
อีกความคิดเห็นหนึ่งจากสาวน้อยนักศึกษา ชุติมา สุพงศ์ อายุ 20 ปี จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ บอกว่า เธอเป็นผู้หญิงที่มีความฝันเหมือนผู้ชาย คืออยากเป็นตำรวจมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว
“โดยส่วนตัวรักอาชีพตำรวจมานานแล้ว อยากเป็นตำรวจ เพราะอยากคืนสิ่งดีๆ ให้ประเทศให้สังคมบ้าง ที่ผ่านมาโอกาสที่จะไปยืนอยู่จุดนั้นมีน้อยมาก เมื่อที่นี่เปิดรับสมัครก็เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดี แล้วทางบ้านก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็เลยมาลองสมัครกับเพื่อน 5 คน ซึ่งก็ไม่ได้คาดหวังไว้ว่าจะต้องได้ เพราะคนสมัครก็เยอะ แล้วเขารับนิดเดียวเอง”

“ตอนนี้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเรามีสิทธิเท่าเทียมกัน ถ้าจะต้องฝึกหนักก็ควรจะฝึกให้หนักเหมือนกัน ไม่อยากให้เอาเรื่องเพศมาเป็นเส้นแบ่ง เพราะตอนนี้ผู้หญิงที่สามารถทำหน้าที่ได้ดีกว่าผู้ชายก็มีเยอะ”
ในฐานะผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ พล.ต.ท.อัมรินทร์ กล่าวทิ้งท้ายฝากไปยังสาวน้อยที่กำลังใกล้จะเป็นว่าที่นักเรียนนายร้อยตำรวจ หญิงไว้อย่างน่าคิดว่า
“อยากให้พูดฝากถึงน้องๆ ที่กำลังจะมาสมัคร โรงเรียนนายร้อยตำรวจเป็นสถาบันที่ก่อตั้งมายาวนาน โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ปัจจุบันนี้ก็ผลิตตำรวจชั้นสัญญาบัตรออกไปรับใช้ประชาชนมากมายหลายต่อหลาย รุ่น ซึ่งตำรวจทั้งประเทศในเวลานี้มีประมาณ 2 แสนคน มีตำรวจชั้นสัญญาบัตรเพียง 2 หมื่นคนเท่านั้น หมายถึงว่า ร.ต.-พล.ต.อ. ที่เหลืออีก 1.8 แสนคน ก็คือนายสิบตำรวจชั้นประทวน
ดังนั้น หัวใจสำคัญของโรงเรียนนรต. ก็คือ สถาบันเดียวที่ผลิตนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร เพื่อจะออกไปอยู่ในกลุ่มคน 2 หมื่นคน เติมไปเรื่อยๆ ซึ่งใน 2 หมื่นคนก็มีเกษียณไป พวกคนใหม่ก็เข้าไป ดังนั้นประเทศชาติจะเป็นประเทศที่มั่นคงอยู่ได้อยู่ที่ตำรวจสัญญาบัตร 2 หมื่นคน ถ้าสัญญาบัตร 2 หมื่นคนนี่จะต้องปกครองชั้นประทวนอีก 1.8 แสนคน เพื่อที่จะดูแลประชาชนทั้งประเทศ 63 ล้านคน
ดังนั้น ถ้าตำรวจ 2 หมื่นคนเป็นตำรวจที่ดีก็จะกลายเป็นความมั่นคง และทำให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข ก็ขอยืนยันว่าในลูกศิษย์ที่จบออกไปไม่ว่าจะเป็นนรต.ชาย ที่เป็นนายตำรวจใหม่ หรือว่านรต.หญิง ที่จะรับใหม่แล้วจบในวันข้างหน้า โรงเรียนนรต. ก็จะฝึกให้มีความรอบรู้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นความรู้ทางวิชาการตำรวจ หรือความรู้ทางสังคมทั่วไป ทั้งยังฝึกให้มีร่างกายแข็งแรง แถมยังมีจิตใจที่เข็มแข็ง อดทน เสียสละ เป็นนายตำรวจที่เพียบพร้อมด้วยความดี ดังนั้นนรต.หญิงที่จะสมัครเข้ามาโรงเรียนนรต. ก็ยินดีต้อนรับ”
...เธอคนนั้นจากไปเหมือนตอนที่เดินเข้ามา เช่นเดียวกับหญิงสาวอีกหลายคนที่ทยอยเดินทางกลับจนหมดแล้ว
หลังจากวันสุดท้ายของการรับสมัครนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงรุ่นแรกจบลง พวกเธอหญิงสาวทั้งหลายก็ต้องกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง นั่นคือการเตรียมความพร้อมในการทดสอบ ไม่ว่าจะเป็นอ่านหนังสือ ฝึกร่างกายให้แข็งแรง และที่สำคัญคือ จิตใจต้องพร้อมอยู่เสมอ